Nissan GT-R R35
Nissan GT-R R35
Nissan GT-R R35 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 มีการปรับ Minorchange ไปแล้ว
1 ครั้งก่อนหน้านี้ (ซึ่งหลายท่านอาจจะไม่สังเกต เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด
เพียงเล็กน้อยเท่านั้น) ใกล้จะครบปีที่ 10 ของการทำตลาด ก็มีการปรับโฉม Minorchange
อีกครั้ง ก่อนจะพบกับ GT-R R36 ในช่วงราวๆปี 2020
2017 Nissan GT-R R35 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงาน New York Auto Show
ไปเมื่อคืนนี้ (ตามเวลาไทย) ภายนอกถูกปรับดีไซน์เล็กน้อย พละกำลังถูกเพิ่มมากขึ้น
ภายในห้องโดยสารที่ออกไปแนวหรู ปราณีตมากขึ้น ด้วยคำนิยาม 3 คำ ชัดๆ
” Power – Performance – Refinement
งานออกแบบด้านหน้าดึงเอางานออกแบบ V-Motion ซึ่งเป็น Design Language ใหม่
ของ Nissan ทุกรุ่น ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ CD ต่ำเพียง 0.27 ตัวเลขนั้น
ทำได้ดีกว่า ค่า CD ของ Porsche 911 Turbo ซึ่งอยู่ที่ 0.31
ฝากระโปรงหน้า, กันชนหน้า, ลิ้นกันชนหน้า และสเกิร์ตข้าง ดีไซน์ใหม่ ด้านหลังยังคง
เอกลักษณ์เดิมของ GT-R เอาไว้ คือไฟแบบโดนัท 4 วง พร้อมท่อไอเสีย 4 ท่อ
ที่ขาดไปไม่ได้
เครื่องยนต์ยังคงเป็นบล๊อกเดิม รหัส VR38DETTV6 3.8 ลิตร Twin-Turbo 24 วาล์ว
แต่มีการเพิ่มพละกำลังอีก 20 แรงม้า และแรงบิด อีก 5 นิวตันเมตร (เทียบกับรุ่นปี 2016)
เป็น 565 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิด 633 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch
6 จังหวะ มากับท่อไอเสียไทเทเนียมแบบใหม่ 4 ท่อ พร้อม Active Sound Enhancement
ล้ออัลลอย ลาย 15 ก้าน ขนาด 20 นิ้ว
สีตัวถังภายนอก มากับสีใหม่ ” Blaze Metallic ” เป็นโทนสีส้ม พ่นแบบพิเศษ 4 Stage
(ปีนี้ดูท่าทางว่าโทนสีส้มจะมาแรง ทั้งในบ้านเรา และในต่างประเทศ)
ภายในห้องโดยสารมีการปรับเปลี่ยนไปในแนวของ Super Cars หรู ใช้โทนสี Rakuda Tan
หรือก็คือ สีแดง Amber Red ผสมกับ สี Ivory สลัดความสปอร์ตทิ้ง ดึงเอาแบบฉบับความหรู
เข้ามาแทนที่ มีการหุ้มหนังในแทบจะทุกจุด
2017 GT-R ปรับปรุงในเรื่องความสบายในการโดยสารมากยิ่งขึ้น ทั้งการใช้กระจก Acoustic
Glass เพิ่มการบุวัสดุซับเสียงมากขึ้น รวมถึงมีการใช้ระบบ Active Noise Cancellation เพื่อลด
เสียงรบกวนในห้องโดยสาร ทั้งหมดนี้ทำให้การนั่งโดยสารมีความสบายผ่อนคลายมากขึ้น แต่นี่
จะเป็นการทิ้งเอาเอกลักษณ์ความสปอร์ตและความดิบ ที่เป็นตัวตนของ GT-R ไปหรือไม่ ?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น